แคลโปรเทกตินในอุจจาระ (FC) เป็นโปรตีนที่จับแคลเซียมขนาด 36.5 kDa ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของโปรตีนในไซโตพลาสซึมของนิวโทรฟิล และจะสะสมและกระตุ้นในบริเวณที่มีการอักเสบของลำไส้ และปล่อยลงในอุจจาระ

FC มีคุณสมบัติทางชีวภาพที่หลากหลาย รวมถึงฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีอยู่ของ FC มีความสัมพันธ์เชิงปริมาณกับการเคลื่อนตัวของนิวโทรฟิลเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงเป็นตัวบ่งชี้การอักเสบของลำไส้ที่มีประโยชน์ในการตรวจหาการมีอยู่และความรุนแรงของการอักเสบในลำไส้

การพัฒนาจากการอักเสบของลำไส้ไปสู่มะเร็งอาจใช้เวลาเพียงสี่ขั้นตอน: การอักเสบของลำไส้ -> ติ่งเนื้อในลำไส้ -> อะดีโนมา -> มะเร็งลำไส้ กระบวนการนี้ใช้เวลานานหลายปีหรือหลายทศวรรษ จึงมีโอกาสเพียงพอสำหรับการคัดกรองโรคลำไส้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลายคนไม่ใส่ใจกับการตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น มะเร็งลำไส้จำนวนมากจึงได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลาม

จากข้อมูลที่เชื่อถือได้ทั้งในและต่างประเทศ อัตราการรอดชีวิต 5 ปีของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักระยะเริ่มต้นสามารถสูงถึง 90% ถึง 95% หากเป็นมะเร็งในระยะเริ่มต้น (carcinoma in situ) อัตราการรักษาหายจะเกือบ 100% ส่วนอัตราการรอดชีวิต 5 ปีของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักระยะลุกลามน้อยกว่า 10% ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและอัตราการหายขาดของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเสนอว่าประชาชนทั่วไปควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 40 ปี และผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือปัจจัยเสี่ยงสูงอื่นๆ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ

สารตรวจหาแคลโปรเทกตินเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เจ็บปวด ไม่รุกราน ใช้งานง่าย ใช้สำหรับประเมินระดับการอักเสบของลำไส้ และช่วยในการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของลำไส้ (โรคลำไส้อักเสบ อะดีโนมา มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก) หากผลการตรวจแคลโปรเทกตินเป็นลบ คุณไม่จำเป็นต้องส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ในขณะนี้ หากผลการตรวจเป็นบวก ไม่ต้องกังวลมากเกินไป ผลการตรวจหลังการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ส่วนใหญ่เป็นรอยโรคก่อนเป็นมะเร็ง เช่น อะดีโนมา รอยโรคเหล่านี้สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ